โดย พ่อน้องเพลิน
ดนตรีเป็นศาสตร์ที่น่าหลงใหลจริงๆ เชื่อว่าครอบครัวยุคใหม่อยากให้ใครสักคนในบ้านเล่นดนตรีเป็น เพื่อที่จะได้สร้างความสุขในครอบครัว
ลองคิดดูว่าไม่ว่าจะงานฉลองปีใหม่ งานวันเกิด และอื่นๆ มีลูกหลานของเราออกมาเล่นดนตรีให้คนในบ้านและแขกเหรื่อได้ชื่นใจมันจะดีขนาดไหน
แต่ช้าก่อน การเรียนดนตรีมันไม่ง่ายเหมือนที่หลายคนคิด
จริงๆ การเรียนดนตรีมันมีศาสตร์และศิลป์ของมันอยู่มาก คนที่ต้องตัดสินใจกลับไม่ใช่เป็นเด็กน้อยในบ้านเรา
แต่ที่จริงเป็นผู้ปกครองที่ยินยอมจ่ายเงินนั่นเอง ต้องบอกก่อนว่าค่าเรียนดนตรีแต่ละชนิดไม่ใช่ถูกๆ เด็กบางคนเรียนกันเป็นสิบๆ ปี เรียกว่าผูกปีจ่ายเงินกันก็มี
ดังนั้นการตัดสินใจให้ลูกเรียนดนตรี จะคิดแบบชั่ววูบ หรือพอลูกๆ มาอ้อนเข้าหน่อยก็จัดไปโดยที่ผู้ปกครองไม่มีการวางแผนก่อน อาจเป็นการเอาเงินไปละลายแม่น้ำได้
ผมเจอเพื่อนผู้ปกครองหลายคน ลงทะเบียนเรียนดนตรีคอร์สแรกให้ลูก แหม ลูกชั้นช่างเป็นเด็กอัจฉริยะเสียจริง ครูสั่งทำอะไรก็ทำได้ง่ายไปหมด
แต่พอคอร์สสอง เริ่มถอดใจ ขอถอยดีกว่า ยอมเสียเงินฟรีกันไป
ผู้ปกครองบางคนอารมณ์เสียที่เด็กเรียนเท่าไหร่ก็เข็นไม่ขึ้น ไม่เคยกลับมาเล่นที่บ้านให้ฟังเลย ทั้งๆ ที่ตอนเรียนในห้องเล่นอย่างกับเทพ
สุดท้ายผู้ปกครองสั่งงดเรียนไปซะงั้น
ผู้ปกครอง 95% พร้อมลงทุนกับคอร์สเรียนแรก และยังซื้อเครื่องดนตรีชิ้นนั้นให้กับลูก แต่กับลังเลว่าลูกจะเอาจริงหรือไม่
ดังนั้นเครื่องดนตรีชิ้นแรกซื้อแบบถูกๆ ไปก่อน เดี๋ยวเห็นแววแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ ฯลฯ เหล่านี้คือตัวอย่างปัญหาที่เหล่าผู้ปกครองนึกไม่ถึงมาก่อน
ปัญหาของผู้ปกครองที่ไม่วางแผนให้ลูกเรียนดนตรีอย่างไร มีตั้งแต่ ผู้ปกครองไม่มีเวลาให้กับเด็กจริงๆ
หลายคนใช้วิธีให้ลูกเรียนพิเศษเยอะๆ เพื่อที่จะไม่มีเวลาว่างไปเกเรที่ไหน ส่วนตัวเองจะได้มีเวลาไปทำงานมากขึ้น,
ผู้ปกครองไม่มีความรู้เรื่องดนตรี กลายเป็นพูดคนละภาษากับลูกของตนเอง และสื่อสารกับโรงเรียนไม่เข้าใจ,
ผู้ปกครองตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของโรงเรียนดนตรีที่ชอบเลี้ยงไข้ เพื่อหลอกเอาเงินเข้าประเป๋าตัวเองไปเรื่อยๆ,
ผู้ปกครองมีปัญหาทางด้านการเงิน แค่คิดว่าเรียนคอร์สสองคอร์สลูกเราจะเก่งขึ้นมาทันทีได้
และ ที่สำคัญผู้ปกครองร้อยทั้งร้อยจะไม่รู้ว่าเครื่องดนตรีแต่ละชั้นที่ลูกเรียน ปลายทางของเขาจะต้องไปเจออะไร ซึ่งทำให้ชีวิตของเด็กเดินสะเปะสะปะแบบไร้ทิศทาง
ไม่น่าเชื่อว่าการเริ่มเรียนดนตรีครั้งแรกมันจะมีคำถามมากมายเช่นนี้ ผมเองตอนพาลูกสาวคนเดียวไปเรียนดนตรีครั้งแรกก็ไม่ได้คิดมากอะไร
แต่ยิ่งเรียนยิ่งคิดเยอะ คือ เรื่องวางแผนปล่อยให้เราคิดดีกว่า ส่วนลูกก็เรียนไป ถ้าเป็นไปตามแผนเราได้ก็ดี
ผมเองเคยทำนิตยสารเกี่ยวกับการเรียนเสริมของเด็กๆ สมัยที่ลูกสาวเพิ่งจะเกิด เที่ยวไปสัมภาษณ์พ่อแม่ของดาวรุ่งหลายวงการ
เช่น ไปนั่งคุยกับแม่ของคุณเบิร์ด ที่เป็นแชมป์กีตาร์คลาสสิค, นั่งคุยกับคุณพ่อของนักกอล์ฟหญิงที่วางแผนไปลุยแอลพีจีเอที่อเมริกา และอีกหลายๆ คน
สิ่งที่ผมเห็นว่าทุกคนทำเหมือนกันก็คือ หากจะให้ลูกประสบความสำเร็จทางใดทางหนึ่ง พ่อแม่ต้องเข้าไปร่วมวางแผน เข้าไปดูแลเรื่องการจัดการช่วงแรกแบบทุ่มเท
แล้วปล่อยให้ลูกสนใจเรื่องการซ้อมให้เก่งให้ได้ บอกตามตรงเส้นทางของความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบจริงๆ
พ่อ แม่ที่เป็นเหมือนผู้จัดการคนแรกของลูกต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด บางครั้งจำเป็นต้องออกจากงานเพื่อมาร่วมกันทำความฝันของครอบครัวให้ประสบ ความสำเร็จกันเลยทีเดียว
หลายคนอาจจะไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น แต่การวางแผนมันก็ขาดไม่ได้อยู่ดี
![]() |
ลูกสาวผม "น้องเพลิน" กับกีตาร์ที่เธอเล่นอย่างมีความสุข |
ผมจะมาใส่รายละเอียดแบบเต็มๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ คอยติดตามนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น