โดย พ่อน้องเพลิน
ลูกเลือกชนิดของดนตรีได้ถูกใจแล้ว พาลูกไปหาโรงเรียนและครูคนแรก ก่อนที่จะจ่ายเงินลงทะเบียน ผมอยากให้ผู้ปกครองทั้งหลายอย่าลืมถามด้วยว่า ที่โรงเรียนใช้สถาบันไหนสอบวัดมาตรฐานเด็ก
เชื่อไหมครับตอนที่ผมพาลูกเข้าเรียนใหม่ๆ ผมไม่เคยรู้เลยว่า เรียนดนตรีต้องมีสอบ ผมคิดว่าเอาแค่ลูกเราเล่นได้ก็ดีถมไปแล้ว
แต่หลังจากนั้นเรื่องง่ายๆ ไม่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนดนตรี เชื่อผม
โรงเรียนดนตรีส่วนใหญ่จะมีระบบการสอบเลื่อนขั้นแทบจะทุกโรงเรียน แต่การสอบไม่ได้เป็นการบังคับ จะสอบหรือไม่สอบก็ได้
แต่การสอบมันก็ได้ประโยชน์หลายอย่าง ตั้งแต่การที่จะได้รู้ว่าความสามารถของลูกเราอยู่ในขั้นไหน ตำราเรียนแบบไหนจะเหมาะกับลูกเรา
ที่สำคัญถ้าอยากให้ลูกเป็นครูดนตรีในอนาคต ใบประกาศพวกนี้สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นการจะเอาเอกสารไปเรียนดนตรีต่อที่อื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัย เอกสารพวกนี้ก็ใช้ประกอบได้ดีทีเดียว
ปกติสถาบันการสอบพวกนี้จะมาจากต่างประเทศ ผมลองไล่เรียงให้ดูนะครับว่าสถาบันดังๆ เขามีชื่ออะไรกันบ้าง Trinity College London เรียกสั้นๆ ว่าทรินิตี้ อันนี้จะยอดฮิต, ABRSM (Associated Board of the Royal School of Music) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า Royal, Australian Music Examinations Board, London College of Music & Media , a faculty of Thames Valley University หรือ LCM, ANZCA (Australia and New Zealand Cultural Arts) จริงๆ ที่ฮิตๆ ก็มีไม่กี่ที่ดังว่า
หากต้องมานั่งวิเคราะห์ว่า จะเลือกสอบจากสถาบันไหนแล้วค่อยเลือกเรียน ผมเองก็ไม่แนะนำครับ เรื่องนี้เป็นทางเลือกมากกว่า
ถามว่าสถาบันไหนรุ่งที่สุด ก็ยืนยันว่าสุดท้ายมันแค่ใบประกาศ การที่ลูกจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องอยู่ที่ฝีมือ
ที่แล้วมาโรงเรียนดนตรีจะผูกการสอบไว้กับสถาบันใดสถาบันหนึ่ง น้อยโรงเรียนที่จะมีให้เลือกมากกว่าหนึ่ง และบางโรงเรียนเป็นเอเย่นต์ใหญ่ในการสอบให้สถาบันนั้นๆ เลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นถ้าเลือกโรงเรียนแล้วคงต้องมาศึกษาเรื่องนี้ไว้ด้วย เพราะจะมีผลต่อเนื่องตามมา
ส่วนใหญ่ระบบการสอบแทบทั้งหมดจะมีประมาณนี้ครับ คือ ขั้นเด็กเล็ก 3 ขั้น ขั้นผู้ใหญ่ 4 ขั้น และขั้นมือโปร 4 ขั้น
เอาว่าถ้าสอบปีละขั้นก็ต้องใช้เวลา 11 ปีด้วยกันเลยทีเดียว ตีซะว่าเข้าเรียนประถม หนึ่ง กว่าจะจบก็ต้องเกือบมัธยม 6 กันเลย ลองคิดดูว่าต้องสอบทุกปี เหมือนกับสอบปลายภาค ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่อย่างเราจะรับไหวหรือเปล่า?
บอกตามตรงนะครับว่า เด็กที่เรียนดนตรีและผ่านการสอบตามขั้นดังกล่าว กว่าจะพ้นขั้นผู้ใหญ่ทั้ง 4 ขั้น จะเหลือจริงๆไม่เกิน 50% หรือถูกกรองออกไปกว่าครึ่ง
สถาบันสอบเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศ และคนที่มาสอบก็เป็นฝรั่งตัวเป็นๆ บอกเลยครับว่าไม่ได้ผ่านง่ายๆ เด็กบางคนเจอแจ็คพอต ฝรั่งที่มาสอบเป็นคนเขียนเพลงในหนังสือเรียน เผอิญเด็กเลือกสอบเพลงนั้นซะด้วย แบบว่ารู้จริงๆ ไม่ใช่ฝรั่งตรอกข้าวสารธรรมดาๆ
เกณฑ์การสอบส่วนใหญ่จะต้องผ่าน 60% และค่าสอบแต่ละแห่งไม่ใช่ถูกๆ หลักพันขึ้นไปทั้งนั้น
สอบไม่ผ่านก็เสียเงินฟรีไป บางคนสอบแล้วสอบอีกก็ไม่ผ่านซะที บางคนสอบทีเดียวผ่าน บางคนกระ โดดข้ามขั้น จากเกรดหนึ่งไปเกรดสาม บางปีคะแนนสอบดี บางปีคะแนนสอบแย่แค่ประคองตัวก็มี บางคนสอบเครื่องดนตรีสองอย่างในปีคราวเดียวกัน ทั้งหมดทั้งปวงผู้ปกครองต้องคุยกับโรงเรียนให้ดี
ถ้าคุณคิดว่าการสอบสำคัญกับคุณ เรียนแล้วมันต้องสอบได้ ก็คงต้องเลือกโรงเรียนกันหน่อย เพราะโรงเรียนเล็กๆ บางแห่ง กลับมีความชำนาญและทำให้เด็กสอบได้มากกว่าโรงเรียนใหญ่ๆ ที่มีนักเรียนเยอะๆ
เรื่องอย่างนี้ดูง่ายนิดเดียวก็คือ ถามกล่าวกันตรงๆ ว่าเปอร์เซ็นต์การสอบของโรงเรียนเป็นอย่างไร สอบผ่านเยอะไหม ไอ้ที่สอบผ่านสอบกันได้คะแนนเท่าไหร่ แต่ละปีมีการสอบกี่คน ฯลฯ
ถามไปเถอะครับ ถ้าโรงเรียนไหนเขาเก่งจริง เขาจะโชว์ จะเม้าส์มอยให้คุณฟังจนเบื่อเลยครับ
ผมยืนยันตรงนี้ครับว่า มีบางโรงเรียนสอบได้ยกชั้น มีบางโรงเรียนสอบตกยกชั้น เพราะแต่ละแห่งเขาเน้นแตกต่างกัน
การสอบนี่นอกจากจะต้องติวกันจริงจัง ต้องมีครูที่เชี่ยวชาญเหมือนกับเป็นครูฝรั่งที่มาสอบ ต้องรู้ว่าฝีมือขั้นนี้ยังขาดอะไรอยู่ จะเลือกเพลงสอบเพลงไหนที่เรียกคะแนนสอบได้ดี เพลงนั้นๆ จะต้องเน้นอะไร ถ้าโรงเรียนไม่เน้นการสอบจริงๆ ผมว่าผ่านยากครับ
นอกจากนั้น โรงเรียนยังต้องคอยสังเกตนะครับว่า ลูกของเราที่กำลังเรียนอยู่นั้น ควรสอบขั้นไหน ไม่ใช่ตะบี้ตะบันสอบไปที่ละขั้น เพื่อหลอกเอาเงินผู้ปกครองไปแต่ละปี
คิดดูนะครับว่าเรียน 11-12 ปี ค่าเรียนดนตรีจะเท่าไหร่กัน บางทีเด็กที่เรียนได้ดี ครูจะสามารถวางแผนการสอนเพื่อสอบกระโดดขั้นได้เลย ทำไปทำมาเรียนสัก 7-8 ปีก็พอ
สรุปตรงนี้ก็คือ วางแผนกันไปเลยครับว่าโรงเรียนสอบกับสถาบันไหน สอบอย่างไร จริงจังกันแค่ไหนทั้งครูและผู้ปกครอง
ต่อจากนั้นวางแผนกันต่อว่าจะสอบช่วงไหนอย่างไร ควรเว้นวรรคช่วงไหน เช่น ตอนต้องไปสอบเข้าโรงเรียนปกติ ประมาณสอบเข้ามัธยมหนึ่ง มัธยมสี่ ฯลฯ แล้วจะใช้เวลากี่ปีในการสอบ หรือว่าเรียนแค่ไหนแล้วจะพอ เราควรจะเห็นภาพและวางแผนลูกเราตั้งแต่เริ่มนะครับ
ปล. ในกรณีเรื่องสอบ มีสองที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่ง บางโรงเรียนมีระบบการสอบของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถาบันไหน ถ้าคุณมั่นใจมาตรฐานก็ลุยเลย แล้ววันหลังเกิดไม่พอใจ ก็มีสถาบันกลางในการสอบมาตรฐานซึ่งเป็นสถาบันในเมืองไทยนี่แหละ สามารถเป็นคำตอบให้กับคุณได้
สอง พวกที่เอาครูไปสอนตามบ้าน พวกนี้ก็สอบได้เหมือนกัน ถามไปเลยว่าอยากให้สอบสถาบันไหนแต่เนิ่นๆ ทางที่ดีก็ควรสอบสถาบันที่ครูเขาสอบมานั่นแหละครับดีที่สุด เขาจะได้เกร็งแนวทางได้
การสอบสามารถpass ชั้นได้ค่ะ ลูกสาวสอบไม่เคยสอบ1-4แต่ข้ามไปสอบเกรด5เลย ของสถาบันTrinity นะคะ ถัดมาอีกปีครึ่ง คือพรุ่งนี้(30/5/61)ก็จะสอบเกรด8เลยค่ะ ไม่จำเป็นว่าเกรดแต่ละเกรดต้องเรียร1ปีนะคะ ขึ้นอยู่กับความสามารถและครูผู้สอนค่ะ
ตอบลบน้องเรียนที่ไหนคะเก่งมากคะ
ตอบลบ