วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พาครูเปียโนมาสอนที่บ้าน ข้อดีและข้อเสียที่ต้องตระหนัก



โดย พ่อน้องเพลิน



พาไปซื้อเปียโนกันแล้ว จำเป็นนะครับเพราะเรียนเปียโนถ้าไม่มีเปียโนซ้อม รับรองเรียนไปไม่ถึงไหนแน่ คราวนี้ผมจะพาไปลงเรียนเปียโนกัน

อย่างแรกคำถามก็คือ จะพาไปเรียนที่โรงเรียนดนตรี หรือว่าจะเอาครูมาสอนที่บ้านดี???

จากประสบการณ์ของผม การไปเรียนที่โรงเรียนดนตรีเด็กจะเรียนได้เร็วกว่าเอาครูมาสอนที่บ้าน มีหลายสาเหตุครับ จากการถามครูดนตรีที่ไปสอนตามบ้านและสอบถามผู้ปกครองทั้งหลายพบว่า ปัญหาที่เลือกสอนที่บ้านมีตั้งแต่ ครูจะมาสอนไม่ตรงเวลา ซึ่งเป็นไปได้หลายกรณี ตั้งแต่ครูสอนเด็กคนอื่นติดกับลูกของเรา และเวลาเดินทางมันอาจเกิดปัญหา ประมาณว่าทั้งจราจรและคิวมันแน่นเกินไป

ที่เจอบ่อยๆ ก็คือ ลูกติดพัน สอนหนึ่งชั่วโมงแต่จริงๆ แล้วมันเกินเวลา ผู้ปกครองบางคนอาจจะคิดว่า น่าจะได้กำไร เพราะได้เวลาของครูมาเพิ่ม ห้ามคิดอย่างนั้นเด็ดขาดนะครับ เพราะเรื่องอย่างนี้มีได้มีเสีย

อีกเคสหนึ่งที่เจอก็คือ บรรยากาศที่สบายๆ ของบ้านทำให้เด็กดูไม่จริงจัง ผมเจอเคสอย่างนี้ครับ เชิญครูมาสอนที่บ้าน พ่อแม่ก็ต้องเตรียมขนมนมเนยไว้ให้ครู ครูไม่ทานไม่ได้ เสียเวลาทานไปอีกเท่าไหร่ ลูกเราเรียนวิ่งไปสั่งคนนั้นคนนี้ บางประสบการณ์นี่ครูกลายเป็นคนใช้ของบ้านไปเลยก็มี เด็กบอกว่าอย่าไปเป็นครูเลย มาเป็นพี่เลี้ยงหนูเถอะ โดยเฉพาะไปเจอบ้านที่ตามใจลูกเป็นอันจบ วิชาเปียโนไม่ต้องสอนกันพอดี

เรื่องครูมาสอนไม่ตรงเวลานี่หลายคนเจอมาเยอะนะครับ ยิ่งครูที่วิ่งรอก หรือครูที่มีงานประเภทต้องไปแสดงที่ไหนๆ อยู่แล้ว โอกาสที่จะยกเลิกการสอนมีสูงมาก การที่เรียนไม่ต่อเนื่องนี่มีผลต่อพัฒนาการของเด็กนะครับ ผมเตือนไว้ก่อน

การจัดสรรเวลาที่ไม่ลงตัวอาจทำให้ผู้ปกครองยุคใหม่อย่างพวกเราหงุดหงิดใจได้ครับ เพราะจริงๆ ลูกเราจะเสียโอกาสอย่างมาก จะไปเล่นกีฬาก็ไม่ได้ จะนัดติวอะไรอย่างอื่นก็ไม่ได้ แต่สุดท้ายมายกเลิกคิวซะงั้น จบกัน

อีกประการหนึ่งก็คือ การสอบ การเรียนกับครูที่บ้าน ครูจะไม่เน้นการสอบเท่าไหร่ ไม่เหมือนโรงเรียนที่จะพยายามทำให้เด็กเข้าเกณฑ์การสอบให้มากที่สุด ถ้าเราเพียงแค่อยากให้ลูกเล่นเป็น มีความสุขกับการเล่น ไม่เน้นต้องไปแข่งขันหรือไปเป็นครูในอนาคต เรื่องสอบไม่สำคัญ ก็คงต้องจ้างครูมาสอนตามบ้านไปเรื่อยๆ บางทีสอนกันเป็นสิบๆ ปีก็มี อันนี้เราต้องเข้าใจกันไว้ก่อน

ข้อดีอย่างหนึ่งของครูสอนเปียโนตามบ้านก็คือ เราจะรู้จักครูเป็นอย่างดี ครูจะเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเราต่อไปในอนาคต ดังนั้นต้องเลือกให้ดี ถ้ามีลูกสาวก็อย่าเลือกครูดนตรีที่เป็นผู้ชายวัยรุ่นซะหละ หรือถ้ามีลูกชายถ้าไม่หวงก็แล้วไป ไม่งั้นจะเหมือนในหนังคลาสสิคกันได้ การสอนมันใกล้ชิด และดนตรีมันเอื้อกับอารมณ์หลายอย่าง ตอนเด็กๆ ก็ไม่เท่าไหร่ ตอนโตขึ้นแล้วมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่งก็คือ การสอนตามบ้านมันใช้เวลานาน ดังนั้นเราคงไม่อยากจะสอนๆ ไปแล้วต้องมางานศพกันทีหลัง ดังนั้นการเลือกครูต้องมองระยะยาวกันไปเลย ถ้าได้ครูวัยประมาณสามสิบต้นๆ นี่กำลังดี ยิ่งถ้ามีครอบครัวแล้วยิ่งดีเลยครับ

จุดหนึ่งที่ใครหลายคนอาจทักท้วงว่า การมีครูคนเดียวมันไม่ดีนะ ผมก็เชื่ออย่างนั้น เพราะถ้าครูคนนั้นสอนผิด ตั้งแต่การวางมือ รับรองอนาคตของลูกเราเป็นอันจบกัน และผมเชื่อว่าครูจะถนัดสอนพื้นฐานกับขั้นสูงแตกต่างกัน ดังนั้นนี่คือจุดอ่อนของครูตามบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น